การเขียนจดหมายธุรกิจ
แนวคิด
จดหมายธุรกิจมีหลายลักษณะหลายประเภทตามโอกาสที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารการศึกษาเรื่องจดหมายธุรกิจช่วยให้สามารถร่างจดหมายติดต่องานต่าง
ๆ ได้รวดเร็ว ถูกต้อง และเลือกสรรวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบการเขียน
ตลอดจนสำนวนภาษา ข้อความที่โต้ตอบอันจะนำมาซึ่งค่านิยมที่ดีและความสำเร็จในการงาน
วัตถุประสงค์
บอกความสำคัญของการใช้จดหมายในการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจได้บอกประเภทของจดหมายที่ใช้โต้ตอบทางธุรกิจได้ใช่คำประโยคและระดับของภาษาในการเขียนจดหมายธุรกิจได้ถูกต้องเรียงลำดับข้อความ
หรือเนื้อหาสาระของจดหมายธุรกิจได้อย่างเหมาะสม
เนื้อหาโดยสังเขป
การเขียนจดหมายเป็นการส่งสารที่นิยมที่นิยมใช้กันมากทั้งในเรื่องส่วนตัว เรื่องกิจธุระ
หรือเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ
เพราะเป็นวิธีการที่สะดวก ประหยัด
และเป็นหลักฐานในการติดต่อเมื่อเกิดมีปัญหาขึ้น
ดังนั้น
การเขียนจดหมายควรจะระมัดระวังเรื่องการใช้ถ้อยคำภาษาให้ถูกต้องชัดเจน
เพื่อให้การประกอบกิจธุระหรือการทำงานของตนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและประสบผลสำเร็จ
หลักทั่วไปในการเขียนจดหมาย
การเขียนจดหมายโดยทั่วไป ผู้เขียนควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
เขียนให้ถูกแบบของจดหมายแต่ละประเภท
ใช้คำขึ้นต้นให้เหมาะสมแก่ผู้รับตามฐานะหรือความสัมพันธ์กัน
เขียนเนื้อหาให้ได้ใจความชัดเจน
สมบูรณ์ และถูกต้องตามที่ต้องการ
ใช้ถ้อยคำที่เหมาะสม
ถูกต้อง และสุภาพ
เขียนด้วยลายมือที่เรียบร้อย
เป็นระเบียบ และอ่านได้ง่าย
ถ้าใช้พิมพ์ดีดก็ต้องรักษาความสะอาด
ไม่ให้มีรอยขูดขีดฆ่าหรือรอยลบใช้คำสรรพนาม
และคำลงท้ายที่เหมาะสมแก่ฐานะของผู้รับใช้กระดาษเขียนจดหมายและซองที่มีสีอ่อนหรือสีสุภาพ ไม่มีลวดลายหรือสีฉูดฉาดการเขียนจดหมายนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของจดหมายแต่ละประเภทด้วย
ซึ่งโดยทั่วไปสามารถแบ่งจดหมายออกได้เป็น
4 ประเภท คือ 1.
จดหมายส่วนตัว
เป็นจดหมายที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวโดยเฉพาะ
ซึ่งผู้ส่งสารและผู้รับสารมักเป็นผู้ที่รู้จักคุ้นเคยหรือสนิทสนมกันดี เป็นการเขียนแบบไม่เป็นทางการ เช่นจดหมายไต่ถามทุกข์สุข จดหมายแสดงความยินดี หรือเสียใจ เป็นต้นจดหมายกิจธุระ เป็นจดหมายที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องธุระการงานอันเป็นการติดต่อสื่อสารที่ไม่ได้เกี่ยวกับผลประโยชน์ในกำไรหรือขาดทุนทางด้านการค้าหรือธุรกิจ
เช่น จดหมายเชิญวิทยากร
จดหมายขอเข้าชมสถานที่ เป็นต้นจดหมายธุรกิจ เป็นจดหมายที่ติดต่อเกี่ยวกับเรื่องการค้าระหว่างบุคคล
ร้านค้า บริษัทต่าง ๆ
ที่เนื่องด้วยกำไรหรือขาดทุน เช่น
จดหมายสั่งซื้อสินค้า จดหมายทวงหนี้ จดหมายสมัครงาน เป็นต้น จดหมายราชการ
หรือหนังสือราชการ เป็นจดหมายที่ใช้ติดต่อระหว่างหน่วยงานของรัฐ
หรือเอกชนที่เกี่ยวกับเรื่องราชการ เช่น หนังสือราชการภายนอก หนังสือคำสั่ง
หนังสือข้อบังคับ เป็นต้นการเขียนจดหมายในที่นี้ จะฝึกการเขียนจดหมายทางธุรกิจ อันได้แก่ จดหมายสมัครงาน จดหมายขอเปิดเครดิต จดหมายเสนอขายสินค้า จดหมายสอบถาม
จดหมายสั่งซื้อสินค้า
จดหมายต่อว่า และจดหมายทวงหนี้การเขียนจดหมายสมัครงาน จดหมายสมัครงานเป็นจดหมายสำหรับบุคคลที่จะก้าวไปสู่อาชีพที่ตนมีความถนัดและเหมาะสม เพราะหน่วยงานต่าง ๆ
ทั้งภาครัฐและเอกชนมักจะประกาศรับสมัครบุคคลเข้าทำงานในหน้าที่ต่าง ๆ
อยู่เสมอ แม้ว่าหน่วยงานราชการต่าง ๆ
จะมีวิธีรับสมัครและสอบคัดเลือกเป็นระบบอยู่แล้ว
แต่ภาคเอกชนส่วนใหญ่จะให้เขียนจดหมายสมัครงานหรือไปสมัครด้วยตนเอง
ในการเขียนจดหมายสมัครงานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้เขียนต้องเรียกร้องความสนใจจากผู้รับสมัครให้มีความต้องการที่จะรับเข้าพิจารณาตามตำแหน่งหน้าที่ที่เปิดรับสมัครไว้ เพราะจดหมายสมัครงานก็เปรียบเสมือนการเสนอขายสินค้าซึ่งในที่นี้ก็คือความรู้ความสามารถของเรา ดังนั้น
การเขียนจดหมายสมัครงานจึงต้องเขียนให้ดีที่สุดโดยคำนึงถึงเรื่องต่อไปนี้ 1.
การเลือกใช้กระดาษ และซองจดหมาย ควรเลือกใช้กระดาษเขียนจดหมายและซองสีขาว หรือถ้าเป็นสีก็เป็นสีอ่อน หรือสีสุภาพ สะอาด
แต่ไม่ควรใช้กระดาษและซองของราชการ
หรือกระดาษและซองที่มีหัวกระดาษของบริษัทห้างร้าน หรือมีลวดลายต่าง ๆ 2. การพิมพ์หรือเขียนข้อความในจดหมาย ควรพิมพ์ข้อความในจดหมาย นอกจากจะระบุว่าให้เขียนด้วยลายมือ ผู้สมัครก็ควรเขียนด้วยลายมือของตนเอง ห้ามให้ผู้อื่นเขียนให้
เพราะผู้รับสมัครต้องการพิจารณาบางประการเกี่ยวกับลายมือของผู้สมัคร 3. การใช้สำนวนภาษา ควรใช้สำนวนภาษากึ่งทางการ
หรือภาษาเขียนที่ถูกต้อง ชัดเจน
ทั้งตัวสะกด การันต์ ไม่มีรอยขูดฆ่า ขีดลบ หรือมีร่องรอยแก้ไข เพราะจะทำให้ไม่น่าดูหรือส่อให้เห็นว่าผู้สมัครทำงานไม่เรียบร้อย 4. การเขียนข้อความในจดหมาย ควรเขียนให้ตรงประเด็น
ไม่อ้อมค้อม วกวน หรือร่ำพรรณนาความทุกข์ยากจนเกินเหตุ และไม่กล่าวถึงปัญหาของตนทั้งปัญหาส่วนตัว ด้านครอบครัว
และการทำงาน
เพราะเราจจะกลายเป็นตัวปัญหาของหน่วยงานที่สมัครมากกว่าที่จะแก้ปัญหาของหน่วยงานนั้นส่วนการเขียนข้อความในจดหมายสมัครงานนั้น ควรแบ่งเป็นย่อหน้าให้ใจความในแต่ละย่อหน้ามีความสัมพันธ์กัน ซึ่งมีหลักในการเขียนดังนี้ย่อหน้าแรก กล่าวถึงการทราบข่าวการรับสมัครงานว่าทราบจากแหล่งใด มีความสนใจและความเหมาะสมสอดคล้องกับตำแหน่งที่ผู้รับสมัครต้องการ
เช่น “ผมได้อ่านประกาศรับสมัครงานในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ฉบับวันที่ 12 กันยายน 2546
ว่าบริษัทของท่านรับสมัครพนักงานตำแหน่งการเงินหลายตำแหน่ง ผมสนใจใคร่ขอสมัครงานในตำแหน่งดังกล่าว”
ย่อหน้าที่สอง ให้รายละเอียดข้อมูลส่วนตัวที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา เช่น
ชื่อนามสกุล อายุ
การศึกษา
โดยเน้นวิชาที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง
หน้าที่ ความสามารถพิเศษ ประสบการณ์
หรือกิจกรรมที่เคยทำเกี่ยวกับตำแหน่งที่สมัคร เช่น “ผมมีอายุ
21 ปี
จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวิทยาการจัดการ สาขาวิชาการบัญชี จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อปีการศึกษา 2545 และได้เข้าทำงานทันทีโดยเป็นพนักงานบัญชี
ของบริษัทไมตรีจิต จำกัด
ปัจจุบันก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่
แต่ที่ต้องการจะเปลี่ยนงานใหม่ก็เพื่อประสบการณ์ในการทำบัญชีที่แตกต่างออกไป
และเพื่อความก้าวหน้าและการมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งในระดับสูงขึ้นด้วย”
ย่อหน้าที่สาม อ้างถึงผู้รับรองหรือบุคคลที่จะให้รายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับตนเองได้ เช่น
อาจารย์ที่เคยสอน
หัวหน้าที่ทำงานเดิม เป็นต้น โดยผู้สมัครต้องขออนุญาตผู้รับรองก่อน ตัวอย่าง
“บุคคลที่ท่านสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับนิสัยส่วนตัว
และการปฏิบัติงานของผมได้จากบุคคลต่าง ๆ ดังนี้ 1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิรัช วงศ์ภินันท์วัฒนา ภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โทร. 0-1717-4419อาจารย์วาลี ขันธุวาร
ภาควิชาภาษาไทย
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โทร. 0-4324-6887”ย่อหน้าสุดท้าย กล่าวถึงความมั่นใจว่าจะได้รับการพิจารณา
เช่น “ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
จดหมายสมัครงานของผมคงได้รับการพิจารณาด้วยดี
ผมพร้อมที่จะมารับการสัมภาษณ์ หรือเรียนข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อใดก็ได้ ตามที่ท่านประสงค์”
นอกจากหลักเกณฑ์ข้างต้นดังกล่าวแล้ว
ผู้สมัครอาจให้รายละเอียดเพิ่มเติมได้ถ้าหากผู้ประกาศประสงค์จะทราบรายละเอียดบางอย่างซึ่งผู้สมัครจะต้องเขียนให้ดีเพราะจดหมายสมัครงานเป็นเสมือนภาพสะท้อนทั้งด้านบุคลิกภาพ
อุปนิสัยใจคอ ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้สมัคร การเขียนจึงต้องให้ข้อมูลที่เพียงพอ มีความกระจ่างชัด ตรงไปตรงมา มีความสุภาพอ่อนน้อม และมีความถูกต้องด้านการใช้ภาษา แต่ไม่ควรใช้คำพูดที่ยกตนข่มท่าน ประจบสอพอ
หรือให้ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ที่สมัครการเขียนจดหมายธุรกิจ การเขียนจดหมายธุรกิจ หมายถึง
การเขียนจดหมายติดต่อระหว่างบริษัท ห้างร้านต่าง ๆ
หรือบุคคลในเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจทั่วไป
เช่น การสั่งซื้อสินค้า การสอบถามราคา
การขอเปิดเครดิต เป็นต้น การเขียนจดหมายธุรกิจประเภทนี้จึงต้องใช้ข้อความที่กระชับรัดกุม
ได้ใจความสมบูรณ์ ตรงไปตรงมา และสามารถสื่อความหมายได้ถูกต้องตรงกันจดหมายธุรกิจแบ่งได้เป็น
6 ชนิด คือจดหมายขอเปิดเครดิต
หรือ จดหมายขอเปิดบัญชีเงินเชื่อ และจดหมายตอบรับหรือปฏิเสธการให้เครดิตจดหมายเสนอขายสินค้าและบริการจดหมายสอบถาม
และตอบสอบถามจดหมายสั่งซื้อสินค้า
และตอบรับการสั่งซื้อจดหมายต่อว่าและปรับความเข้าใจจดหมายทวงหนี้หรือเตือนหนี้ การเขียนจดหมายธุรกิจนั้น
นอกจากจะต้องคำนึงถึงเนื้อหาในข้อความจดหมายที่เขียนแล้ว ต้องให้ความสำคัญกับรูปแบบจดหมายด้วย เพราะเมื่อผู้อ่านเปิดจดหมายอ่านในครั้งแรกและเกิดความประทับใจในตัวจดหมายก็จะทำให้ธุรกิจของเราประสบความสำเร็จไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว
รูปแบบการเขียนจดหมายธุรกิจที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ ได้แก่แบบสี่เหลี่ยมเต็มรูป (Full-block
style) เป็นแบบที่เขียนให้ทุกบรรทัดชิดขอบซ้ายของกระดาษจดหมายแบบสี่เหลี่ยม (Block style) เป็นแบบที่เขียนให้ทุกบรรทัดชิดขอบซ้ายของกระดาษ ยกเว้นวันเดือนปี
คำลงท้าย ลายมือชื่อ อยู่กึ่งกลางกระดาษ แบบกึ่งสี่เหลี่ยม (Semi-block
style) เป็นแบบที่คล้ายกับแบบสี่เหลี่ยม แต่ให้เนื้อหาหรือข้อความของจดหมายย่อหน้าเข้าไปประมาณ
1 นิ้วรูปแบบจดหมายดังกล่าวนั้น
เป็นรูปแบบของจดหมายธุรกิจของต่างประเทศที่นิยมใช้กันแต่ในทางปฏิบัติอาจจะมีการดัดแปลงให้เหมาะสมหรือความสะดวกแก่การปฏิบัติงานของหน่วยงานที่ทำก็ได้
และการใช้รูปแบบของจดหมายตามรูปแบบของหนังสือราชการ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ
พ.ศ. 2526 ก็เป็นที่นิยมใช้ในวงการธุรกิจเหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหน่วยงานนั้น ๆ
ว่าต้องการใช้รูปแบบของจดหมายแบบใดโดยทั่วไปจดหมายธุรกิจจะประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ
ดังนี้หัวจดหมาย เป็นชื่อ-ที่อยู่ของบริษัท ห้างร้าน ซึ่งมักพิมพ์หัวจดหมายไว้เรียบร้อยแล้วเพื่อสะดวกในการใช้โดยไม่ต้องเขียนที่อยู่อีกวันที่
เดือน ปี เป็นการระบุวันเดือนปีที่เขียนจดหมาย
ซึ่งนิยมเขียนดังนี้คือ1 สิงหาคม 2546
ชื่อและที่อยู่ผู้รับ เป็นการเขียนชื่อหรือนามบริษัท
ห้างร้านพร้อมทั้งที่อยู่ หรืออาจระบุตำแหน่งหน้าที่ก็ได้คำขึ้นต้น ใช้คำขึ้นต้นให้เหมาะสมแก่ฐานะและบุคคล
ที่นิยมใช้ในทางธุรกิจ ได้แก่ เรียน
ถึง หรือกล่าวขึ้นลอย ๆ ว่า “ท่านผู้มีอุปการะคุณ”คำลงท้าย ใช้คำลงท้ายที่เหมาะสมแก่บุคคลและสอดคล้องกับการใช้คำขึ้นต้น
ซึ่งโดยทั่วไปมักใช้ว่า “ขอแสดงความนับถือ”ลายมือชื่อ เป็นการลงลายมือชื่อของผู้เขียนจดหมาย ซึ่งตามปกติจะมีการลงลายมือชื่อหวัด
(ลายเซ็น) และวงเล็บชื่อสกุลตัวบรรจงข้างล่างลายเซ็นและตามด้วยตำแหน่งในบรรทัดถัดมาก็ได้อักษรย่อ เป็นการใส่อักษรชื่อย่อของตนควบคู่กับชื่อย่อของคนพิมพ์
หรือใส่เฉพาะชื่อย่อของคนพิมพ์ก็ได้ เช่น ปน/วร หรือ วร เป็นต้นสิ่งที่ส่งมาด้วย เป็นเอกสารหรือสิ่งของแนบมากับจดหมายนั้นกิจกรรมการเรียนการสอนให้นักศึกษาพิจารณาจดหมายธุรกิจประเภทต่าง
ๆ ที่เคยได้รับ หรือพบเห็นว่ามีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างจากหลักการโดยทั่วไปอย่างไรให้นักศึกษา
search ข้อมูลใน website ต่าง ๆ ว่ามีการนำเสนอจดหมายทาง webpage หรือไม่ ถ้ามีเป็นจดหมายประเภทใด และมีวิธีในการนำเสนออย่างไรนักศึกษาคิดว่าการเขียนจดหมายทางธุรกิจให้ประสบความสำเร็จควรมีรูปแบบ
ลักษณะ
และการใช้ภาษาอย่างไร
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg7RyXA8mQfNU_SqtKVAMjltPxVN90hD1Wvb-MoczBjeV4AoN49g7_Bo3bO0qDcvkREvvvV030L8jU47sK_X5O9PxvO78wyr2fCwCacM3h0AL4BzqmcncolUkkseeUpCZt4CIlCmOUv3y8/s400/images.jpg)
ที่มา:http://www.google.com/urlsa=D&q=http://blog.eduzones.com/yimyim/3412&usg=AFQjCNFR0OXu0kI4e3BVI2ahi5Lh9pZ8Uw
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น