วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

การทำงานของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์


การทำงานของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
มีผู้คนที่ใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์กันกว่า 20ล้านคนทั่วโลกบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หลายคนคงแปลกใจว่าจดหมายเหล่านี้หาเส้นทางเดินไปยังปลายทางได้ถูกต้องอย่างไร ทำไมเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจึงขยายได้อย่างไม่มีวันจบสิ้น และการใช้งานบนเครือข่ายยังคงแพร่หลายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกมาก

รู้จักกับตู้จดหมาย (mailbox)
ก่อนที่จะรู้จักกับอีเมล์ควรมาทำความรู้จักกับตู้จดหมายของตัวเองก่อน mbox หรือmailbox คือ ตู้จดหมายของตนเอง เมื่อผู้ใช้มีชื่อยูสเซอรือยู่บนเครื่องหลักที่ต่ออยู่กับอินเทอร์เน็ต ก็จะได้รับตู้จดหมายโดยอัตโนมัติ ตู้จดหมายนี้เป็นที่เก็บจดหมายเมื่อมีผู้ส่งมาให้เรา ดังนั้นเมื่อเราเริ่มใช้เครื่องขณะใดก็ตาม       ก็จะเปิดดูตู้จดหมายว่ามีจดหมายมาเก็บไว้ในตู้จดหมายนี้หรือไม่ สามารถเรียกจดหมายมาดูได้ เมื่อดูเสร็จแล้วจะนำออกจากตู้จดหมายหรือจะฝากเอาไว้ก่อนก็ได้ ตู้จดหมายจึงเสมือนตู้จดหมายจริง ๆ ที่เก็บจดหมายไว้ในเครื่องได้ และเป็นส่วนตัวเฉพาะบุคคลเท่านั้น
ปกติเมื่อเราเป็นผู้ใช้บนอินเตอร์เน็ตเราจะได้ชื่อแอดเดรสของการอ้างอิงบนอินเตอร์เน็ตและเราสามารถกำหนดชื่อนี้เป็นอีเมล์แอดเดรสได้ เช่นsomsak@nwg.nectec.or.th ชื่อนี้มีสองส่วนคือส่วนหน้า @ และส่วนที่อยู่ข้างหลัง @ ส่วนหน้าหมายถึงตู้จดหมาย ซึ่งถือได้ว่าเป็นชื่อตู้จดหมาย ซึ่งผู้ใช้ชื่อยูสเซอร์นี้เป็นเจ้าของ ส่วนเครื่องที่ตู้จดหมายเก็บไว้จะมีชื่อเครื่อง ซึ่งในที่นี้ก็คือส่วนที่อยู่หลัง @ คือ nwg.nectec.or.th

แอดเดรสของคุณคืออะไร
เมื่อคุณเริ่มเป็นสมาชิกในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สิ่งหนึ่งที่คุณได้รับคือมีชื่อยูสเซอร์บนเครื่องหลักเครื่องใดเครื่องหนึ่ง ณ เครื่องหลักนี้คุณได้ชื่อยูสเซอร์ จึงเสมือนว่าคุณมีแอดเดรสอยู่บนเครื่องหลักที่ตั้งอยู่บนอินเตอร์เน็ต บนอินเตอร์เน็ตมีการกำหนดแอดเดรสของเครื่องโดยใช้ชื่อ โดเมน เช่น nontri.ku.ac.th หมายถึงเครื่อง nontri อยู่ในเครือข่าย ku.ac.thซึ่งหมายถึงเครือข่ายของมหาวิทยาลัยเป็นสถานศึกษาอยู่ในประเทศไทย เช่นหากได้รหัสชื่อยูสเซอร์เป็น b38bmxก็หมายถึงว่าคุณมีแอดเดรสเป็น b38bmx@nontri.ku.ac.thชื่อนี้จะเป็นชื่อที่อ้างอิงได้ทั่วโลกทุกจุดบนอินเทอร์เน็ตสามารถหาเส้นทางส่งข่าวสารมาให้b38bmx@nontri.ku.ac.th ได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นแอดเดรสที่ได้รับจึงหมายถึงชื่อยูสเซอร์บนเครื่องที่อยู่บนอินเตอร์เน็ต ชื่อนี้จะเป็นสิ่งที่ใช้อ้างอิงได้ การพิมพ์ลงในนามบัตรเพื่อให้ผู้อื่นติดต่อมาจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และอ้างอิงทั่วถึงกันทั้งหมดบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

การรับส่งเมล์ระหว่างเครื่องใช้โปรโตคอล SMTP
บนอินเตอร์เน็ตใช้โปรโตคอล TCP/IP เป็นฐานการติดต่อระหว่างกัน บน TCP/IP มีการกำหนดการรับส่งข้อมูลระหว่างกันในรูปแบบการรับส่งจดหมาย (เมล์) คือ SMTP SMTPย่อมาจาก Simple Mail Transfer Protocol SMTP ได้รับการออกแบบมาให้มีการรับส่งเมล์กันอย่างอัตโนมัติ กล่าวคือ ในเครื่องหลักที่คุณทำงานจะมีโปรแกรมรับและส่งเมล์ ทำงานเป็นเดมอนโปรเซส (การทำงานเป็นแบลกกราวนด์โปรเซสคือทำงานตลอดเวลา) เพื่อทำหน้าที่รับและส่งเมล์ เช่นโปรแกรม smail หรือ sendmail ทำหน้าที่คอยส่งเมล์ ถ้ามีจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่จะส่ง ก็จะติดต่อกับปลายทางแล้วยังส่งไม่ได้ ก็จะเก็บจดหมายนั้นไว้ก่อน รออีกสักสองสามชั่วโมงก็จะส่งใหม่อีก ทำซ้ำจนกว่าจะส่งได้สำเร็ส หากส่งไม่ได้ในสามวันก็จะส่งกลับให้เจ้าของ พร้อมทั้งบอกเหตุผลของการส่งไม่ได้
โปรโตคอล SMTPนี้เป็นโปรโตคอลหลักสำหรับการรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มาตรฐานบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ดังนั้นหากในระบบเครือข่ายอื่น เช่นเครือข่ายของไมโครซอฟต์มีการส่งด้วย msmail โปรแกรม msmail มีโปรโตคอลการส่งของตัวเอง หากต้องการผ่านเข้ามาทางอินเตอร์เน็ตจะต้องแปลงให้อยู่ในรูปโปรโตคอล SMTP ก่อน เส้นทางการเปลี่ยนนี้เรียกว่า SMTP เกตเวย์

เมล์บนอินเตอร์เน็ตหาเส้นทางไปได้อย่างไร
การกำหนดแอดเดรสของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ มีการกำหนด mbox เฉพาะของแต่ละบุคคลที่อยู่บนชื่อเครื่องหลัก ในการหาเส้นทางจึงกำหนดเป็นลำดับชั้น โดยใช้ชื่อ เช่นs38bmx@cc2.cpe.ku.ac.th โดยหาเส้นทางจาก .th หมายถึงประเทศไทย .ac หมายถึงสถาบันการศึกษา ku คือมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ cpe คือภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ cc2 คือเครื่องคอมพิวเตอร์หลักของภาควิชา s38bmx คือ mbox ในเครื่อง cc2







อินเทอร์เน็ตคืออะไร?


อินเทอร์เน็ตคืออะไร?


                 อินเทอร์เน็ต (Internet) คือ กลุ่มเครือข่ายย่อย ๆ ของคอมพิวเตอร์จำนวนมากที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกันภายใต้มาตรฐานการสื่อสาร(Protocol)เดียวกันจนเป็นสังคมเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในเครือข่ายแต่ละเครื่องสามารถรับส่งข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ กัน เช่น ตัวอักษร ภาพ เสียง รวมทั้งสามารถสืบค้นข้อมูลข่ายสารจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว


การเปิดสมัครอีเมลฟรีของGmail


การเปิดสมัครอีเมลฟรีของGmail
เว็บไซต์ที่ให้บริการฟรีอีเมลมีอยู่มากมาย แต่ที่เป็นที่นิยมและเป็นรายใหญ่คงจะหนีไม่พ้น Hotmail และ Yahoo แต่แล้วสองยักษ์ใหญ่ในวงการอีเมลก็ต้องหวาดกลัว เมื่อ Google ที่เป็นเจ้าแห่งการ Search Engine ประกาศจะทำการเปิดบริการ Gmail ฟรีอีเมลใหม่ ซึ่งจะให้เนื้อที่แก่ผู้ใช้บริการมากถึง 1 กิกะไบต์ หรือ 1,000 เมกกะไบต์ (MB) ซึ่งมากกว่า Yahoo และ Hotmail ประมาณพันเท่า ซึ่งทำให้ในอนาคต Google จะกลายเป็นคู่แข่งของ Microsoft ในเรื่องให้บริการฟรีอีเมล

รายละเอียดของ Gmail
Gmail คือบริการฟรีอีเมลที่ทำงานบนระบบ Search Engine หน้าตาดูจะไม่แตกต่างจากรูปแบบของ Google เท่าไหร่ กล่าวคือไม่มีลูกเล่น ดูเรียบง่ายแต่เน้นที่ความรวดเร็วในการเข้าถึงเป็นหลัก สัญลักษณ์ (logo) นั้นประกอบไปด้วย 4 สี คือ น้ำเงิน เขียว แดง และเหลือง ยังคงความเป็น Google ได้ดีมาก โดยหน้าหลักของ Gmail ประกอบไปด้วย 3 ส่วน ดังนี้


·         ส่วนที่หนึ่ง คือส่วนด้านซ้าย ทำหน้าที่คล้ายๆกับบริการฟรีอีเมลอื่น ๆ นั่นคือให้เข้าถึงส่วนต่าง ๆ ของบริการได้ง่าย ประกอบด้วย Inbox , Sent mail , All mail , Spam หรือ Junk mail , Trash
ลูกเล่นที่น่าสนใจ “Starred” เป็นส่วนพิเศษที่เว็บอื่นไม่เคยมีให้ Starred เป็นการทำเครื่องหมาย (Mark) ให้แก่จดหมาย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของผู้ใช้ว่า อีเมลที่ถูก mark นั้น สำคัญกว่าอีเมลอื่นๆ และอีกส่วนหนึ่งคือ Labels ซึ่งทำงานคล้ายกับ folder เราสามารถเพิ่มเข้าไปในจดหมายฉบับใดก็ได้ และในแต่ละ folder ก็จะมี labels ได้หลายอัน หลายท่านอาจจะมองภาพไม่ออก จึงขอยกตัวอย่างให้ดู เช่น แฟ้มเก็บเอกสาร 1 แฟ้ม ในเอกสารทั้งหมดอาจจะมีแผ่นกระดาษแทรกแบ่งเอาไว้ด้วยว่า ช่วงหน้าไหนมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ก็เป็นทำนองเดียวกัน labels ก็คือส่วนที่จะบอกเราได้ว่าจดหมายฉบับไหนเป็นอะไร ซึ่งจะเป็นการแยกย่อยลงไปได้อีกในแต่ละ folder
·         ส่วนที่สอง คือ ส่วนกลาง จะเป็นจดหมาย ประกอบด้วยชื่อผู้ส่ง, หัวข้อจดหมาย, เวลาที่รับจดหมายเข้ามา นอกจากนี้แล้ว ยังมีปุ่มใช้งานทั้งบนและล่างของส่วนกลาง ซึ่งเราสามารถที่จะใช้ปุ่มเหล่านี้ทำงานคู่กับการทำเครื่องหมายถูกหน้าจดหมาย หลังจากนั้นเลือก Report As Spam จะเป็นการบอกให้ Gmail ทราบว่าจดหมายฉบับนี้เป็นอีเมลขยะ ดังนั้นระบบทำการจัดเก็บ เพื่อทำเป็นฐานข้อมูลในการตรวจจับspam ในคราวต่อไป เป็นต้น
·         ส่วนที่สาม เป็นส่วนที่ทำให้ Gmail พิเศษกว่าที่อื่น คือ การค้นหาอีเมล” (search mail) เพียงแค่ใส่คำหลัก(key words) ลงไป แล้วกด search mail จากนั้นการทำงานก็จะเหมือน Search Engine ทุกประการ อีเมลทุกฉบับที่มีคำหลักนั้นก็จะปรากฏขึ้นมา ซึ่งในส่วนนี้ จะรวดเร็ว ง่าย และเปี่ยมประสิทธิภาพ เป็นหัวใจหลักของ search mail ที่ Gmail ต้องการมีไว้สำหรับใช้ดึงดูดผู้ใช้บริการ เนื่องจาก Gmail แปลงจากระบบกล่องเก็บจดหมาย มาเป็น ห้องสมุดเก็บจดหมายโดยใช้ระบบ Indexing Technology ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถที่จะเก็บอีเมลได้มากเท่าที่ต้องการ
ข้อควรระวังในการใช้ Gmail
ถึงเราจะลบรายชื่อเมลแล้ว ก็ยังสามารถ Search หาใหม่ได้ทุกเมื่อ เนื่องจากอีเมลนั้นก็เพียงแต่หายไปจากเครื่อง แต่มิได้หายไปจากฐานข้อมูลของ Google นั่นหมายความว่า อีเมลส่วนตัวทุกฉบับที่มีการส่งถึงกันระหว่างผู้ใช้บริการ Gmail จะต้องผ่านการตรวจสอบและสแกนจากทาง Google เพื่อที่จะนำเข้าสู่ฐานข้อมูล Search Engine E-mail ซึ่งทางด้านกฎหมายถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล (เหมือนกับว่าทาง Google จะสามารถล่วงรู้ความลับของเราได้ทุกเมื่อ หากมีการติดต่อกันผ่านทางอีเมล) ดังนั้นหากมีอีเมลที่เป็นความลับ หรือเป็นส่วนตัว ไม่อยากเก็บไว้ เราก็จะไม่มีทางลบให้หายไปได้อย่างถาวร เนื่องจากทุกอย่างขึ้นตรงกับ Google แต่เพียงผู้เดียว

ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต


ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต
อินเตอร์เน็ตเปรียบเสมือนชุมชนเมืองแห่งใหม่ของโลก เป็นชุมชนของคนทั่วมุมโลกจึงมีบริการต่างๆเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา
 1.ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์(Electronic mail=E-mail) ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-mail
เป็นการส่งจดหมายผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตโดยผู้ส่งสามารถส่งข้อความไปยังที่อยู่ของผู้รับในรูปแบบของอีเมล์ เมื่อผู้ส่งเขียนจดหมาย แล้วส่งไปยังผู้รับ ผู้รับจะได้รับจดหมายภายในเวลาไม่กี่วินาที แม้จะอยู่ห่างกันคนละซีกโลกก็ตามนอกจากนี้ยังสามารถส่งแฟ้มข้อมูลหรือไฟล์แนบไปกับอีเมล์ได้ด้วย 

               2.กรขอเข้าระบบจากระยะไกลหรือเทลเน็ต (Telnet)
เป็นบริการอินเตอร์เน็ตรูปแบบหนึ่งโดยที่เราสามารถเข้าไปใช้งานคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ไกลๆได้ด้วยตนเอง เช่น ถ้าเราอยู่ที่โรงเรียนทำงานโดยใช้อินเตอร์เน็ตของโรงเรียนแล้วกลับไปที่บ้านเรามีคอมพิวเตอร์ที่บ้านและต่ออินเตอร์เน็ตไว้เราสามารถเรียกข้อมูลจากที่โรงเรียนมาทำที่บ้านได้ เสมือนกับเราทำงานที่โรงเรียนนั่นเอง 

                3.การโอนถ่ายข้อมูล (File Transfer Protocol
หรือ FTP) เป็นบริการอีกรูปแบบหนึ่งของระบบอินเตอร์เน็ต เราสามารถค้นหาและเรียกข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาเก็บไว้ในเครื่องของเราได้ ทั้งข้อมูลประเภทตัวหนังสือรูปภาพและเสียง

                4.การสืบค้นข้อมูล (Gopher,Archie,World wide Web) หมายถึง การใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตในการค้นหาข่าวสารที่มีอยู่มากมายแล้วช่วยจัดเรียงข้อมูลข่าวสารหัวข้ออย่างมีระบบเป็นเมนูทำให้เราหาข้อมูลได้ง่ายหรือสะดวกมากขึ้น 

                5.การแลกเปลี่ยนข่าวสารและความคิดเห็น(Usenet)
เป็นการให้บริการแลกเปลี่ยนข่าวสารและแสดงความคิดเห็นที่ผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตทั่วโลกสามารถพบปะกัน แสดงความคิดเห็นของตน โดยมีการจัดการผู้ใช้เป็นกลุ่มข่าวหรือนิวกรุ๊ป(Newgroup)แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเป็นหัวข้อต่างๆ เช่น เรื่องหนังสือ เรื่องการเลี้ยงสัตว์ ต้นไม้ คอมพิวเตอร์และการเมือง เป็นต้น ปัจจุบันมี Usenetมากกว่า15,000 กลุ่ม นับเป็นเวทีขนาดใหญ่ให้ทุกคนจากทั่วมุมโลกแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง 

                6.การสื่อสารด้วยข้อความ (Chat,IRC-Internet Relay chat)
เป็นการพูดคุยกันระหว่างผู้ใช้อินเตอร์เน็ต โดยพิมพ์ข้อความตอบกันซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารที่ได้รับความนิยมมากอีกวิธีหนึ่งการสนทนากันผ่านอินเตอร์เน็ตเปรียบเสมือนเรานั่งอยู่ในห้องสนทนาเดียวกัน แต่ละคนก็พิมพ์ข้อความโต้ตอบกันไปมาได้ในเวลาเดียวกัน แม้จะอยู่คนละประเทศหรือคนละซีกโลกก็ตาม 

               7.การซื้อขายสินค้าและบริการ(E-Commerce = Eletronic Commerce)
เป็นการจับจ่ายซื้อ - สินค้าและบริการ เช่น ขายหนังสือคอมพิวเตอร์ การท่องเที่ยว เป็นต้น ปัจจุบันมีบริษัทใช้อินเตอร์เน็ตในการทำธุรกิจและให้บริการลูกค้าตลอด24ชั่วโมง ในปี2540 การค้าขายบนอินเตอร์เน็ตมีมูลค่าสูงถึง1แสนล้านบาท และจะเพิ่มเป็น1ล้านล้านบาทในอีก5ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจแบบใหม่ที่น่าสนใจและเปิดทางให้ทุกคนเข้ามาทำธุรกิจได้โดยใช้ทุนไม่มากนัก 

               8.การให้ความบันเทิง(Entertain)
ในอินเตอร์เน็ตมีบริการด้านความบันเทิงในทุกรูปแบบต่างๆ เช่น เกมส์ เพลง รายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ เป็นต้น เราสามารถเลือกใช้บริการเพื่อความบันเทิงได้ตลอด24ชั่วโมงและจากแหล่งต่างๆทั่วทุกมุมโลก ทั้งประเทศไทย อเมริกา ยุโรปและออสเตรเลีย เป็นต้น

โทษของอินเตอร์เน็ต
1.โรคติดอินเตอร์เน็ต (Webaholic) อินเตอร์เน็ตก็เป็นสิ่งเสพติดหรือการเล่นอินเตอร์เน็ตทำให้คุณเสียงานผู้ใดเป็นผู้ที่ติดการพนันการติดการพนันประเภทที่ถอนตัวไม่ขึ้นมีลักษณะคล้ายคลึงกับการติดอินเตอร์เน็ตเพราะทั้งสองอย่างเกี่ยวข้องกับการล้มเหลว ในการควบคุมความต้องการของตนเองโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสารเคมีใดๆ (อย่างสุรา หรือยาเสพติด) ผู้ที่มีอาการอย่างน้อย 4 อย่าง เป็นเวลานานอย่างน้อย 1ปีถือได้ว่า มีอาการติดอินเตอร์เน็ต
 • รู้สึกหมกมุ่นกับอินเตอร์เน็ต แม้ในเวลาที่ไม่ได้ต่อกับอินเตอร์เน็ต
 • มีความต้องการใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเวลานานขึ้น
 • ไม่สามารถควบคุมการใช้อินเตอร์เน็ตได้
 • รู้สึกหงุดหงิดเมื่อต้องใช้อินเตอร์เน็ตน้อยลงหรือหยุดใช้
 • ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นวิธีในการหลีกเลี่ยงปัญหาหรือคิดว่าการใช้อินเตอร์เน็ตทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น
 • หลอกคนในครอบครัวหรือเพื่อน เรื่องการใช้อินเตอร์เน็ตของตัวเอง
 • การใช้อินเตอร์เน็ตทำให้เกิดการเสี่ยงต่อการสูญเสียงาน การเรียน และความสัมพันธ์ ยังใช้อินเตอร์เน็ตถึงแม้ว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก
 • มีอาการผิดปกติ อย่างเช่น หดหู่ กระวนกระวายเมื่อเลิกใช้อินเตอร์เน็ต
 • ใช้เวลาในการใช้อินเตอร์เน็ตนานกว่าที่ตัวเองได้ตั้งใจไว้มีผลกระทบต่อการเรียน อาชีพ สภาพทางสังคมและเศรษฐกิจของคนคนนั้นถึงแม้ว่าการวิจัยที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่าการติดเทคโนโลยีอย่าง เช่น การติดเล่นเกมส์ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับเพศชายแต่ผลลัพธ์ข้างต้นแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ติดอินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงวัยกลางคนและไม่มีงานทำ
2.เรื่องอณาจารผิดศีลธรรม(Pornography/Indecent Content)
เรื่องของข้อมูลต่างๆที่มีเนื้อหาไปในทางขัดต่อศีลธรรม ลามกอนาจาร หรือรวมถึงภาพโป๊เปลือยต่างๆนั้นเป็น เรื่องที่มีมานานพอสมควรแล้วบนโลกอินเตอร์เน็ตแต่ไม่โจ่งแจ้งเนื่องจากสมัยก่อนเป็นยุคที่ WWW ยังไม่พัฒนา มากนักทำให้ไม่มีภาพออกมา แต่ในปัจจุบันภายเหล่านี้เป็นที่โจ่งแจ้งบนอินเตอร์เน็ตและสิ่งเหล่านี้สามารถเข้าสู่เด็กและเยาวชนได้ง่ายโดยผู้ปกครองไม่สามารถที่จะให้ความดูแลได้เต็มที่ เพราะว่าอินเทอเน็ตนั้นเป็นโลกที่ไร้พรมแดนและเปิดกว้างทำให้สื่อเหล่านี้สามรถเผยแพร่ไปได้รวดเร็วจนเราไม่สามารถจับกุมหรือเอาผิดผู้ที่ทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้
3.ไวรัส ม้าโทรจัน หนอนอินเตอร์เน็ต และระเบิดเวลา
ไวรัส : เป็นโปรแกรมอิสระซึ่งจะสืบพันธุ์โดยการจำลองตัวเองให้มากขึ้นเรื่อยๆเพื่อที่จะทำลายข้อมูลหรืออาจทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงโดยการแอบใช้สอยหน่วยความจำหรือพื้นที่ว่างบนดิสก์โดยพลการ
ม้าโทรจัน : ม้าโทรจันเป็นตำนานนักรบที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้แล้วแอบเข้าไปในเมืองจนกระทั่งยึดเมืองได้สำเร็จ โปรแกรมนี้ก็ทำงานคล้ายๆกัน คือโปรแกรมนี้จะทำหน้าที่ไม่พึงประสงค์ มันจะซ่อนตัวอยู่ในโปรแกรมที่ไม่ได้รับอนุญาตมันมักจะทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการและสิ่งที่มันทำนั้นไม่มีความจำเป็นต่อเราด้วย
หนอนอินเตอร์เน็ต : ถูกสร้างขึ้นโดย Robert Morris, Jr. จนดังกระฉ่อนไปทั่วโลก มันคือโปรแกรมที่จะสืบพันธุ์โดยการจำลองตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ จากระบบหนึ่ง ครอบครองทรัพยากรและทำให้ระบบช้าลง
ระเบิดเวลา : คือรหัสซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นรูปแบบเฉพาะของการโจมตีนั้นๆ ทำงานเมื่อสภาพการโจมตีนั้นๆมาถึง ยกตัวอย่างเช่น ระเบิดเวลาจะทำลายไฟล์ทั้งหมดในวันที่ 31 กรกฎาคม 2542

ประวัติความเป็นมาของอินเตอร์เน็ต


ประวัติความเป็นมาของอินเตอร์เน็ต
ในยุคของสังคมแห่งข่าวสารปัจจุบันการสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเครือข่าวคอมพิวเตอร์สามารถแลกเปลี่ยนข่าวสารซึ่งกันและกันได้ในปัจจุบันมีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงกันทุกทิศทั่วโลกผู้ใช้ในซีกโลกหนึ่งสามารถติดต่อกับผู้ใช้ในซีกโลกหนึ่งได้ในเวลาอันรวดเร็วเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่รู้จักกันในชื่อของอินเตอร์เน็ตนับได้ว่าเป็นเครือข่ายที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในยุคของสังคมข่าวสารในปัจจุบันอินเตอร์เน็ตมีขอบข่ายครอบคลุมพื้นที่แทบทุกมุมโลกสมาชิกในอินเตอร์เน็ตสามารถใช้คอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ ณ  จุดใดจุดหนึ่งก็ตามเพื่อทำการส่งข้อมูลและข่าวสารระหว่างกันได้การบริการข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมีหลาหลายรูปแบบและมีผู้สนใจเข้ามาใช้เพิ่มขึ้นทุกวันมีเครือข่ายทั่วโลกที่มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตประมาณ 50,000 เครือข่ายจำนวนผู้ใช้จากการคาดการณ์โดยประมาณแล้วในปัจจุบันมีเครือข่ายทั่วโลกคาดว่ามีประมาณ 100 ล้านคนและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเราจึงกล่าวได้ว่าอินเตอร์เน็ตเป็นเครือข่ายที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างขว้างมีการขยายตัวสูงและมีสมาชิกมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับเครือข่ายที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันอินเตอร์เน็ตมิได้เป็นเครือข่ายที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะจงหากแต่มีประวัติความเป็นมาและมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การเกิดของเครือข่ายอาร์พาเน็ต  ในปี พ.ศ.2512  ก่อนที่จะก่อตัวเป็นอินเตอร์เน็ตจนกระทั่งทุกวันนี้
                อินเตอร์เน็ตมีพัฒนาการมาจาก  อาร์พาเน็ต(ARP Anet) ซึ่งเป็นเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์ภายใต้การรับผิดชอบของอาร์พาเน็ต (Advanced Pesearch Projects Agency)ในสังกัดกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาอาร์พาเน็ตและโดยเนื้อแท้แล้วอาร์พาเน็ตเป็นพลพวงมาจากการเมืองโลกในยุคสงครามเย็นระหว่างค่ายคอมมิวนิสต์และค่ายเสรีประชาธิปไตยยุคสงครามเย็นในทศวรรษของปี พ.ศ. 2510 นับเป็นเวลาแห่งความตึงเครียดเนื่องจากภาวะสงครามเย็นระหว่างประเทศในค่ายคอมมิวนิสต์และค่ายเสรีประชาธิปไตยสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มเสรีประชาธิปไตยได้ก่อตั้งห้องทดลองเพื่อค้นคว้าและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างเร่งด่วนโดนเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีด้านระบบคอมพิวเตอร์ 


เว็บไซต์ต่างๆที่ให้บริการ E-mail ฟรี


เว็บไซต์ต่างๆที่ให้บริการ E-mail ฟรี
http://www.iname.com/                                                                                        http://www.juno.com/
https://www.netaddress.com/tpl/Door/Login?Domain=usa.net                           http://www.mail.lycos.com/
http://geocities.yahoo.com/index.php                                                                  http://www.tripod.lycos.com/
http://www.freestamp.com/                                                                                 http://www.hypermart.net/
http://www.mailcity.com/                                                                                    http://www.rocketmail.com/
http://www.nettaxi.com/                                                                                      http://www.theglobe.com/
https://login.yahoo.com/config/login_verify2?&.src=ym                                   http://www.hotmail.com
http://www.thaimail.com/                                                                                    http://www.switchboard.com
http://www.cvp.co.th/

การสร้างBlogger


การสร้างBlogger

ถ้าคุณเคยสมัครอะไรของ google ไว้แล้ว เช่น เคยสมัครเมล์ gmail ก็สามารถใช้ รหัส gmail login ในช่อง ลงชื่อเข้าใช้งานได้เลย
...หรือถ้าไม่เคยสมัครอะไร หรืออยากจะสมัครใหม่ ก็ คลิกคลิกที่ลูกศรสีส้ม สร้างบล็อคของคุณทันที



..ที่อยู่อีเมล ใส่เมล์ของเรานะครับ เมล์อะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น gmail ครับ ก็ประมาณว่า เมล์ที่เราใช้อยู่นั่นแหละครับ
..ใส่เมล์นั้นอีกครั้งครับ
..กำหนดรหัสผ่าน ตั้งขึ้นมาเลย ไม่ใช่รหัสเมล์นะครับ เป็นรหัสที่เราตั้งขึ้นเพื่อสมัคร blogger ครับ
..ชื่อที่แสดง ก็อย่างที่ในเว็บบอกครับ คือ คือนี่จะแสดงว่าเราเราโพสข้อความอะไรใน blog ของเรา หรือเขียนคอมเม้น แสดงความคิดเห็น blog ของคนอื่น
...รหัสยืนยัน ใส่รหัสสุ่มตามภาพที่ขึ้นมา
...ทำเครื่องหมายช่องสี่เหลี่ยม ยอมรับข้อตกลง ...จากนั้นคลิก ดำเนินการต่อ 


 

...จากข้างบนเป็นรูปแบบเก่า ของ blogger นะครับ สรุปคือ เราสมัครเข้าบัญชี blogger ครับ
...จากนี้ มาดูรูปแบบใหม่ ในการเขียน blogger ครับ



คลิกที่ บล็อกใหม่ เพื่อเริ่มสร้าง blog ได้เลยครับ
ตั้งชื่อเว็บบล็อกเลยครับ ชื่อจะปรากฏที่บนสุดของ blog เช่น ดังภาพ



ที่อยู่บล็อก ก็คือ ชื่อที่อยู่ url ของ blog นั่นเองครับ ตัวอย่างชื่อ blog

สำหรับการ ตรวจสอบความพร้อมคือ ตรวจสอบว่าชื่อที่ตั้งอยู่ ซ้ำหรือมีใครใช้อยู่หรือยัง
ถ้าขึ้น ที่อยู่บล็อกนี้สามารถใช้ได้ ก็สามารถใช้ชื่อนี้ได้ครับ

*** ทั้งชื่อเว็บบล็อก และที่อยู่ บล็อก สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลังครับ
และ 1 user ที่ใช้ login blogger สามารถ สร้าง blog ได้ 100 blog ครับ
ถ้าอยากสร้างอีก ก็สมัคร account blogger ใหม่ เพิ่มอีกครับ ***

เสร็จแล้วก็เลือกรูปแบบ แล้วคลิก สร้างบล็อกครับ
 เลือกได้เลยครับ
ชอบแบบไหนก็เลือกไปก่อน สามารถ เปลี่ยนแปลงภายหลังได้


พอคลิกแล้ว ระบบจะขึ้น ดังนี้ ...ผมตั้งชื่อว่า "ทดสอบสร้าง blog" นะครับ ชื่อ blog ก็เลยเป็นตามภาพ ให้คลิกที่ชื่อ blog ที่คุณตั้งขึ้นมาได้เลยครับ... เพื่อเข้าไปดูเมนูต่างๆก่อน


เมนูบนสุดรูปดินสอ สามารถคลิกเพื่อเริ่มโพสข้อความได้เลย 
...สำหรับเมนูซ้ายมือ ที่อยากจะเน้นคือ เมนูหน้าเว็บ รูปแบบ แม่แบบ การตั้งค่า



ทำความเข้าใจ เกี่ยวกับ blog ของ blogger ก่อนครับ
ก่อนเขียน blog เราต้องทำความเข้าใจและวางแผนก่อนครับ
 


.. blog เราสามารถ เขียนข้อความต่างๆ แทรกภาพ หรือนำเสนอต่างๆได้ ...
การเขียน blog ที่ blogger
- ข้อความล่าสุด จะอยู่ที่หน้า blog
- ข้อความต่างๆที่เขียนไป จะเป็นหัวข้อ รวมอยู่ในคลังบทความของบล็อก
ให้คลิกเข้าดูที่ 

ซึ่งคำว่า "คลังบทความของบล็อก" ตัวอย่าง blog เที่ยววังน้ำเขียว http://wang-namkeaw.blogspot.com ผมแก้คำว่า คลังบทความของบล็อก เป็น "รายละเอียด การท่องเที่ยว อ.วังน้ำเขียว" ซึ่งวิธีแก้ พอเข้าที่รูปแบบ แล้ว คลิกแก้ไข ช่องคลังบทความของบล็อก

...แล้วก็แก้ไขตามแต่จะกำหนดหัวข้อรวมหลัก ของบทความต่างๆที่เราจะนำเสนอใน blog ครับ สำหรับเมนูอื่นๆก็ลองตั้งค่าแล้วโหลดดู blog ดู ว่าจะออกมาแบบไหน ถูกใจหรือป่าวนะครับ


สำหรับรูปแบบของ blog เที่ยววังน้ำเขียว ทำไมไม่มีใน แม่แบบ ของ blogger จะอธิบายอีกทีครับ ...เกี่ยวกับคลังของบทความ เราควรวางแผนแล้วว่า บทความหรือข้อความต่างๆที่เราจะเขียน blog จะเรียงลงมา เมื่อมีผู้เข้าเยี่ยมชม blog ของเรา ผู้เยี่ยมก็จะเห็นหัวข้อเหล่านั้น และเลือกที่จะคลิกอ่านได้ เป็นผลดีในการนำเสนอ
- สำหรับบทความต่างๆ หรือข้อความต่างๆที่เราจะนำเสนอใน blog ข้อความล่าสุดจะอยู่หน้าแรกครับ หน้าแรกของ blog ควรจะเป็นเหมือนหน้ารับแขก ซึ่งออกแบบ เพื่อดึงดูดให้ผู้เข้าเยี่ยมชมได้สนใจ และอ่าน blog ..แล้วจะทำงัยล่ะ ? เมื่อข้อความต่างๆที่เรา เขียนไป เป็นหัวข้อต่างๆ ข้อความล่าสุดจะอยู่หน้าแรก ถ้าเราออกแบบ หน้าที่ดึงดูดความสนใจ ไว้เป็นหน้าแรกแล้ว ถ้าเรามีข้อความมาเขียน หรือ นำเสนออีก จะทำงัย ให้หน้าที่เราออกแบบไว้ อยู่หน้าแรก
...วิธีการง่ายๆก็คือ แต่ละบทความที่เราเขียนไป สามารถแก้ไขได้ เราเข้าไปแก้ไขบทความนั้น แก้ไขตรงวันที่ หรือจะแก้ไขเวลาด้วยก็ได้ ให้เป็นวันที่ล่าสุด เพื่อให้บทความนั้นยังอยู่หน้าแรกนั่นเอง ...อยู่ล่างๆ นะครับ คลิกที่ตัวเลือกของบทความ แล้วจะมีให้แก้ไขได้

 
สำหรับ ป้ายกำกับสำหรับบทความนี้: ...หมายถืง คีย์เวิร์ด สำคัญ หรือน่าสนใจ ในบทความหรือข้อความนั้นๆนะครับ เวลาโพสหรือเขียนข้อความไปแล้ว จะขึ้นเป็นข้อความ ป้ายกำกับ อยู่ล่างสุดของบทความ


..ทำความเข้าใจ การโพส หรือการเขียนข้อความ


...พอเขียนบทความต่างๆเสร็จ (เมนูต่างๆ สีตัวอักษร ลิ้งค์ แทรกรูปภาพ ลองหัดเล่น หัดเขียนดูนะครับ)
พอเขียนตกแต่งบทความต่างๆเสร็จ ก็คลิก เผยแพร่ ได้เลย ...แต่ถ้ายังไม่อยากให้บทความขึ้นที่หน้า blog ก็คลิก บันทึก ไว้ก่อนได้ครับ เผื่อว่ายังเขียนบทความไม่เสร็จ
แล้วพอเขียนเสร็จ ก้ค่อยคลิกเผยแพร่ครับ

ในเมนู 
 นี้ มีอะไรให้ออกแบบเยอะ เป็นองค์ประกอบของ blog ครับ ซึ่งแต่ละป้ายเมนู สามารถลบได้ หรือเพิ่มได้ครับ
การลบก็คลิกเข้าป้ายเมนูนั้นๆ แล้วจะมีคำว่าลบ ให้เลือกลบครับ ...สำหรับการเพิ่ม ให้คลิกที่


เพิ่ม Gadget ก็จะมีป้าย Gadget มาให้เลือก + เพิ่มเข้ามาใน blog เพื่อนำมาเป็นรูปแบบในการช่วยตกแต่งครับ

ที่ป้าย Gadget ต่างๆ เรายังสามารถย้ายที่จัดเรียงได้ด้วยนะครับ คลิกที่ป้ายที่ต้องการย้ายแล้วลากเลยครับ จะไว้ตรงไหนก็วาง
...สำหรับ Favicon ก็สามารถเปลี่ยนได้ จะเป็นส่วนของหัว blog ซึ่งการเปลี่ยน จะต้องนำรูปขนาดกว้างยาวเท่ากัน(สี่เหลี่ยมจัตุรัส) และมีขนาดไม่เกิน 100KB นะครับ
ตัวอย่าง Favicon ที่เปลี่ยน แล้วกับที่ ยังไม่เปลี่ยนนะครับ ...สำหรับการเปลี่ยน Favicon แรกๆบาวเซอร์ท่องเว็บที่เราใช้ จะยังจำอันเดิมอยู่นะครับ บางทีเราเปลี่ยนแล้วแต่ดู blog ยังไม่เปลี่ยน ไม่ต้องตกใจว่าทำไม่ได้ ลองไปดูคอมเครื่องอื่น ก็จะเป็น Favicon ใหม่ที่เราเปลี่ยนครับ หรือไม่ก็เปิดบาวเซอร์ใหม่ เช่นว่า ใช้ Mozilla Firefox เปิดดู blog ก็ลองใช้ Google Chrome เปิดดูแทน จะเห็นว่า Favicon ก็จะเปลี่ยนครับ

...คราวนี้มาดู เมนู หน้าเว็บ ...หน้าเว็บช่วยให้เราออกแบบหน้าต่างๆแยกต่างหากจากบทความได้ครับ
การเขียนหน้าเว็บ ก็คลิกเข้าคำว่า แก้ไข ก็สามารถเข้าไปเขียนตกแต่งได้ครับ

ตัวอย่างหน้าเว็บ

http://pang-oung.blogspot.com
blog นี้ ผมใช้ 1 หน้าเว็บในการออกแบบ โดยหน้าเว็บ เลือกให้อยู่ด้านบนสุด
... คือ ปางอุ๋ง สวรรค์ นักเดินทาง ชัดๆ HD สำหรับลิ้งค์คือ http://pang-oung.blogspot.com/p/hd.html

http://siamtulip-festival.blogspot.com
blog นี้ ผมใช้ หลาย หน้าเว็บในการออกแบบ โดยหน้าเว็บ เลือกให้อยู่ด้านข้าง  
...จากภาพบน แต่ละหน้าเว็บ สามารถคลิกจับลากสลับจัดเปลี่ยนตำแหน่งกันได้ด้วยนะครับ โดยคลิกที่หัวช่องที่เป็นสีเข้มกว่า หรือจะคลิกเปลี่ยนกลับเป็นฉบับร่างได้ คือไม่อยากให้หน้าเว็บที่เขียนไว้แล้ว โชว์ที่ blog แต่ไม่อยากลบ 

http://talamok-phutok.blogspot.com 
blog นี้ ผมใช้ หลาย หน้าเว็บในการออกแบบ โดยหน้าเว็บ เลือกให้ไม่แสดง ???
งงมั้ยครับ ไม่แสดง แล้วจะเขียนทำไม!!! คือพอให้มันแสดงแล้วรูปแบบมันออกมาไม่สวยครับ มันไม่เข้ากับรูปแบบ แม่แบบ(template) ของ blog
...แล้วพอไม่ให้แสดง แล้วจะเอามาทำลิ้งค์ให้คนเข้าอ่านได้ยังงัย
ในเมนู ผมเพิ่ม Gadget รายชื่อลิ้งค์ครับ (ภาษาอังกฤษคือ Blogroll)
แล้วก็เอาลิ้งค์ต่างๆ ของ หน้าเว็บ มาใส่ที่ Gadget รายชื่อลิ้งค์
...วิธีดูว่าแต่ละ หน้าเว็บ ลิ้งค์อะไร ก็แค่เอาเม้าส์ชี้ที่หัวข้อ หน้าเว็บนั้นๆ เราก็จะเห็นครับ ก็คลิกเม้าส์ขวา แล้ว Copy Link
 
Gadget รายชื่อลิ้งค์ครับ
...พอเราเพิ่มลิ้งค์แล้ว เขียนอธิบายหัวข้อลิ้งค์แล้ว ...ที่ลูกศรขึ้นลงเราสามารถคลิกสลับจัดตำแหน่งได้ด้วยนะครับ 



...เอาล่ะครับ เทคนิคเต็มไปหมดเลย อย่า งง นะครับ ลองทำดูเดี๋ยวก็รู้เอง ไม่ลอง ไม่หัดก็ทำไม่ได้ครับ

...มาถึงที่ติดค้างไว้ คือรูปแบบ แม่แบบ(template) ของเว็บ เที่ยววังน้ำเขียวหรือเว็บตัวอย่างต่างๆข้างต้น ทำไมไม่มีใน แม่แบบของ blogger 

การใส่แม่แบบนอกเหนือจากแม่แบบที่มี ใน blogger ทำดังนี้
เข้าไปที่ http://btemplates.com/ จะมีรูปแบบต่างๆให้เลือก ดาวน์โหลด
ไฟล์ที่โหลดมา จะเป็นไฟล์ .zip ให้เรา แตกไฟล์ .zip ออกมา จะได้เป็นไฟล์ .xml
..เราจะเอาไฟล์ .xml เข้า blog ได้อย่างไร ?

...มาที่เมนู แม่แบบ แล้วมาที่ สำรอง/กู้คืน ที่มุมบนขวา

เลือกไฟล์แม่แบบ .xml ที่เรามีในเครื่อง (ที่เราไปโหลดมา) แล้วคลิก อัปโหลด เพื่อ โหลดไฟล์ xml เข้าไปใน blog เราก็จะได้รูปแบบสวยๆมาใช้แล้วครับ

 





...มาดูเมนูการตั้งค่า ซะหน่อย
บางคนสงสัยครับว่า blog ที่เขียน บทความต่างๆ ยาวลงมามาก ไม่รู้จะทำงัย มาที่ เมนูการตั้งค่า โพสต์และความคิดเห็น
กำหนดได้เลยครับ จะให้บทความแสดงสูงสุดในหน้าแรกได้กี่บทความ

...อย่าลืมมาตั้ง ภาษาและการจัดรูปแบบด้วยนะครับ ...ตรงโซนเวลา สำคัญครับ เพราะเวลาเราโพสอะไรไป เวลาจะได้ตรงกับวันเวลาในประเทศไทยด้วย
เวลามาดูบทความย้อนหลัง เราจะได้รู้ว่าเราเขียนบทความนี้ วันไหน เวลาไหนนะครับ นอกนั้นก็แล้วแต่ชอบครับ ลองตั้งดู
...สำหรับหัวข้ออื่นๆที่ไม่ได้อธิบาย ลองเข้าไปลองตั้ง ลองทำ เดี๋ยวก็ทำได้ครับ
...สำหรับการลบ blog จะอยู่ที่ การตั้งค่า > อื่นๆ ครับ (เผื่อทำแล้ว อยากลบ ...ซะงั้น)
...ชื่อ blog สามารถ เปลี่ยนแปลงได้ด้วยนะครับ
มาที่ เมนู การตั้งค่า > พื้นฐาน


การเผยแพร่ ...มีประโยชน์กรณีที่เรา ไม่พอใจชื่อ blog ที่ใช้อยู่ ครับ เราก็สามารถแก้ไขเปลี่ยนชื่อได้ครับ

หรือเราจะตั้งค่าชื่อ blog ของเรา ให้เปลี่ยนจาก ชื่อ.blogspot.com เป็น ชื่อที่เราจดโดเมนมา.com ก็ได้
โดยดูตามขั้นตอนนี้ครับ http://blog.makemoney-school.com/?p=312


1 user สามารถเขียน blog ได้ 100 blog
(ข้อมูลนานแล้วนะครับ แต่ล่าสุดก็น่าจะยังใช่อยู่ ถ้าเรายังสามารถคลิก เปิด บล็อกใหม่ได้เรื่อยๆครับ)

คลิกที่ บล็อกของฉันก็จะมีรายชื่อบล็อกต่างๆ ที่เราสร้างไว้

...ถ้าเราจะสร้างเพิ่ม ก็คลิกที่ บล็อกใหม่ครับ

user ของ blogger สามารถ สร้าง blog ได้ 100 blog ถ้าเราอยากสร้างมากกว่านั้น เราก็สมัคร blogger เพิ่มใหม่อีก User ครับ 


... จบแล้วครับ ความรู้ในการเขียน blog และการวางแผนในการจัดรูปแบบ blog เพื่อความสวยงาม
...คัดลอกได้ครับ แต่ต้องอ้างอิงว่า เอาความรู้ มาจาก http://www.makemoney-school.com ด้วยครับ หรือจะอ้างอิงลิ้งค์มาเลยก็ได้ครับhttp://www.makemoney-school.com/how_blogger_signup.html

มาดู เทคนิคการเขียน Blog ใน Blogger.com 
เพื่อการใช้เป็นสื่อในการ โฆษณา 4 รูปแบบ

ตัวอย่าง
รูปแบบที่ 1 ทำเป็นเว็บหน้าเดียว (รูปแบบเก่า) คล้าย landing page หรือเว็บหน้าเดียว ที่ดูแล้วมีทุกอย่างในหน้าเดียว ตัวอย่าง ศาลาแก้วกู่ น้ำตกทีลอซู
รูปแบบที่ 2 ทำเป็นเว็บหน้าเดียว (รูปแบบใหม่) เน้นการแสดงภาพรวมในหน้าเดียว ตัวอย่าง เที่ยวลาว พระมหาธาตุแก่นนคร
รูปแบบที่ 3 การทำ blog โดยใช้รูปแบบที่ blogger มีให้เลือก ตัวอย่าง Stop Smoking Shot
รูปแบบที่ 4 การทำ blog โดยใช้รูปแบบใหม่ๆ มีให้เลือกมากมายหลายแบบ ตัวอย่าง วังน้ำเขียว กล้วยไม้ป่าช้างกระ เขาฉกรรจ์